ในประเทศไทย การคำนวณภาษีเป็นเรื่องที่ซับซ้อนมาก สำหรับใครหลายๆคน เพราะว่ามีหลายประเภทของภาษีที่ต้องคำนวณ เช่น ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา (บุคคลธรรมดา หรือ บุคคลธรรมดาที่มีธุรกิจส่วนตัว), ภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT), และอื่น ๆ ตามกฎหมายภาษีที่เกี่ยวข้อง
แต่สำหรับขั้นตอนการคำนวณภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา (Personal Income Tax) ก็ไม่ใช่เรื่งที่ยากแบบที่คิดโดยมีวิธีการคำนวณตามสูตรดังนี้ :
1.ขั้นตอนที่ คำนวณเงินได้สุทธิ
เงินได้สุทธิคือจำนวนเงินที่เหลือหลังจากหักค่าใช้จ่ายที่ได้รับการยกเว้นภาษีและค่าลดหย่อนภาษีจากเงินได้ทั้งหมดของคุณ ในกรณีของการคำนวณภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาในประเทศไทย หลังจากหักค่าใช้จ่ายที่ยกเว้นภาษีและค่าลดหย่อนภาษีต่าง ๆ จากเงินได้ทั้งหมดของคุณ คุณจะได้เงินได้สุทธิที่ต้องเสียภาษี
ยกตัวอย่าง
รายได้ทั้งปี – ค่าใช้จ่าย – ค่าลดหย่อน = เงินได้สุทธิ
600,000(รายได้ทั้งปี) – 100,000(ค่าใช้จ่าย) – 60,000(ลดหย่อนส่วนตัว ) – 6,300(ลดหย่อนประกันสังคม)
=เงินได้สุทธิ เท่ากับ 433,700 บาท
2. เทียบอัตตราภาษี
เงินได้สุทธิ (บาท) | อัตราภาษี | เสียภาษีสูงสุด |
1 – 150,000 บาท | ยกเว้น | – |
150,001 – 300,000 บาท | 5% | 7,500 |
300,001 – 500,000 บาท | 10% | 20,000 |
500,001 – 750,000 บาท | 15% | 37,500 |
750,001 – 1,000,000 บาท | 20% | 50,000 |
1,000,001 -2,000,000 บาท | 25% | 250,000 |
2,000,001- 5,000,000 บาท | 30% | 900,000 |
5,000,001 บาทขึ้นไป | 35% | – |
(433,700 (เงินได้สุทธิ ) – 300,000(เงินได้สุทธิสูงสุดขั้นก่อนหน้า) X10%(อัตราภาษี)+7,500 (ภาษีขั้นก่อนหน้า) = ภาษีที่ต้องจ่าย เท่ากับ 20,870 บาท
เท่ากับว่าเราต้องจ่ายภาษีให้รัฐบาล 20,870 บาท แต่สำหรับใครที่ไม่อยากจ่ายเต็มจำนวน สามารถใช้การลดหย่อนภาษีเข้ามาช่วยได้ มีหลายประเภทของค่าลดหย่อนภาษีที่คุณสามารถใช้ได้ ไม่ว่าจะเป็น ค่าลดหย่อนส่วนตัว ค่าลดหย่อนคู่สมรส ค่าลดหย่อนบุตร และอื่นๆ อีกมากมาย
สรุป
การเก็บภาษีเป็นหน้าที่ของหน่วยงานภาครัฐที่รับผิดชอบในการบริหารจัดการภาษี เช่น สำนักงานภาษีอำเภอหรือเทศบาลเมืองในระดับท้องถิ่น และกรมสรรพากรในระดับส่วนกลาง
ระบบภาษีมีประโยชน์หลายด้าน เช่น ให้เงินทุนในการดำเนินกิจการของรัฐบาล สนับสนุนการให้บริการสาธารณะ ยกตัวอย่าง การดูแลสุขภาพ การศึกษา และการพัฒนาพื้นที่ เป็นต้น การเก็บภาษียังเป็นอีกหนึ่งหนทาง ในการแบ่งเบาภาระภาษีของประชาชนให้เป็นสมดุลและยุติธรรมตามหลักการกระจายรายได้นั้นเอง